Author Archives: admin

10 เหตุผล ทำไมถึงต้องฝังเข็มหน้าใส?

😊 ฝังเข็มหน้าใสแบบธรรมชาติ ทางเลือกสวยจากภายในสู่ภายนอก “การฝังเข็ม” นอกจากจะช่วยดูแลกลุ่มอาการอื่นๆได้แล้ว ยังนำมาใช้ประโยชน์ในด้านความสวย ความงามได้อีกด้วย!⁣⁣ ❤️⁣
⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣
🤩 #การฝังเข็มเพื่อความงาม เป็นวิธีการปรับสมดุลภายในร่างกายที่ส่งผลต่อผิวพรรณ เป็นการชะลอความเสื่อมของผิวหนัง ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ฟื้นฟูผิวหน้า รวมทั้งปัญหาผิวพรรณบนใบหน้าต่างๆ เช่น สิว ฝ้า รอยดำ ผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ ให้มีอาการดีขึ้น ผิวแข็งแรงขึ้น⁣⁣⁣ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ⁣⁣
⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣
🥳 #โดยกลไกการรักษาของการฝังเข็ม คือ เมื่อเวลาที่ปักเข็มลงไป จุดที่ถูกกระตุ้นจะส่งสัญญาณไปทั่วร่างกาย ทำให้มีการส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับอวัยวะนั้นๆ โดยมีการสันนิษฐานว่าอาจมีการผ่านระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน ⁣⁣⁣⁣⁣
⁣⁣⁣⁣
❤️ การฝังเข็มบนใบหน้า จะไม่มีสารเคมีหรือตัวยาแต่อย่างใด ปลอดภัย ถูกใจสายคลีนแน่นอนครับ⁣⁣
⁣⁣⁣⁣⁣⁣⁣
☺️ ซึ่งขนาดของเข็มที่นำมาใช้ก็มีหลากหลายขนาด แต่สำหรับใบหน้าจะใช้เข็มเบอร์เล็กมากๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.8 ถึง 0.13 มิลลิเมตร ไม่เจ็บและน่ากลัวอย่างที่คิด เข็มที่ใช้เป็นเข็มฝังปลอดเชื้อใช้เพียงครั้งเดียวทิ้งครับ⁣⁣⁣⁣⁣

เวียนศีรษะบ่อย หมอจีนเอาอยู่

😵 อาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่คนส่วนใหญ่คงเคยเป็น อาจจะมีทั้งวิงเวียนศีรษะ มึนศีรษะ ตามัว ตาลาย หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หรืออาจรู้สึกเหมือนบ้านหมุนได้ อาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุมากมาย โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะเครียด วิตกกังวล ทั้งนี้ล้วนเกิดจากอารมณ์ และสมดุลของร่างกายที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ⁣

👨‍⚕️ การตรวจวินิจฉัยในทางการแพทย์แผนจีน⁣
👉 กลุ่มหยางตับแกร่ง มักพบในคนที่มีความดันสูง หรือกระดูกต้นคอเสื่อม คนไข้จะมีอาการ วิงเวียนศีรษะ ปวดเบ้าตา นอนไม่หลับ ปากขมร้อนใน คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น⁣

👉 กลุ่มเลือดลมไม่พอ มักพบในคนที่มีความดันโลหิตต่ำ หรือกลุ่มเลือดจาง คนไข้จะมีอาการ หน้าซีด ริมฝีปากซีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มือเท้าอ่อนแรง นอนไม่หลับ ใจสั่น เป็นต้น⁣

👉 กลุ่มสารจิง(สารน้ำร่างกาย)ของไตพร่อง มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขเพศ คนไข้จะมีอาการ วิงเวียนศีรษะ ตาลาย ปวดเข่าเมื่อยเอว ตาแห้ง มีเสียงในหู หูอื้อ เป็นต้น⁣

👉 กลุ่มเลือดคั่ง มักพบในผู้ป่วยที่เลือดลมไหลเวียนไม่ดี คนไข้จะมีอาการ วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะร่วมด้วย สีหน้าคล้ำ ลิ้นมีจุดดำคล้ำ นอนไม่หลับ ใจสั่น เป็นต้น⁣

😊 แพทย์จีนจึงนิยมใช้การฝังเข็มและใช้ยาจีน ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปรับสมดุลเลือดลมและหยินหยางที่ติดขัดอยู่ให้ทำงานปกติ โดยจะเน้นปรับองค์รวมของร่างกายเพื่อให้อาการวิงเวียนศีรษะลดน้อยลง ทำให้อวัยวะต่างๆกลับมาทำงานได้ดีขึ้น⁣

👍 ทั้งนี้พบว่าคนที่ฝังเข็มอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความตึงเครียดของร่างกายได้ และการฝังเข็มสามารถทำได้ตั้งแต่ก่อนเกิดโรคเพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วยนะครับ⁣

ทำไมหมอจีนต้องดูลิ้น?

👅👀 ทำไมหมอจีนต้องดูลิ้น? เพราะลิ้นบอกสุขภาพได้ การตรวจวินิจฉัยด้วยการดูลักษณะลิ้นและฝ้าบนลิ้น เป็นส่วนสำคัญในการตรวจโรคของแพทย์แผนจีนที่มีมาอย่างยาวนาน เพราะเส้นลมปราณของอวัยวะภายในร่างกายล้วนเดินผ่านบริเวณลิ้นกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ลิ้นจึงสะท้อนถึงสภาวะภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี⁣

😛 ดังนั้นการดูลิ้นสามารถรู้ถึงความสมดุลภายในร่างกายได้ เปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนถึงภาวะสมดุลและไม่สมดุล ว่าในร่างกายมีสิ่งใดผิดปกติอย่างไร โดยลักษณะของตัวลิ้นสามารถสะท้อนถึงอวัยวะภายในทั้งห้า (ปอด หัวใจ ม้าม ตับ ไต) และเมื่ออวัยวะทุกส่วนทำงานสนับสนุนซึ่งกันและกันในสภาวะสมดุล จึงทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่เหมาะสมที่สุดครับ⁣

👨‍⚕️ นอกจากนั้นแพทย์แผนจีนยังต้องพิจารณาลิ้นแต่ละส่วนเพื่อประกอบการวินิจฉัยดังนี้⁣

1.สีของลิ้น ⁣
ลิ้นสีแดงเรื่อแสดงว่าพลังงานที่จำเป็นของร่างกายนั้นแข็งแรง (หรือที่เรียกว่าพลังงานชี่) หากสีของลิ้นเปลี่ยนไปมักจะหมายถึงมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง⁣

2.รูปร่างของลิ้น ⁣
ลิ้นปกติจะไม่หนาหรือบางจนเกินไป ต้องมีลักษณะเรียบไม่แตก โดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงของลักษณะลิ้นจะแสดงถึงความเจ็บป่วยเรื้อรังซึ่งส่งผลต่อเลือด, สารน้ำในร่างกาย หรือชี่ ⁣

3.สารเคลือบลิ้น ⁣
ถึงแม้ว่าปกติแล้วลิ้นมักจะถูกเคลือบด้วยสีขาวบางๆ แต่สีเหลืองอ่อนและความหนาที่เพิ่มขึ้นบริเวณโคนลิ้นนั้นก็อาจเป็นเรื่องปกติ สารเคลือบลิ้นนี้แสดงถึงม้ามและกระเพาะ นอกจากนี้ยังแสดงถึงการเจ็บป่วยแบบฉับพลันได้เช่น ไข้หวัด⁣

ฝังเข็มเจ็บหรืออันตรายไหม?

😌 การฝังเข็มให้เกิดผลไม่ใช่แค่เพียงแพทย์จีนปักเข็มไปตามร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องมีเทคนิคหลายอย่างในขั้นตอนการฝังเข็มกับแพทย์จีนที่มีความรู้เกี่ยวกับเข็มและอุปกรณ์การฝังเข็ม ทั้งการเลือกใช้ประเภทของเข็ม วิธีการใช้ และเทคนิคในการกระทำต่อเข็มเพื่อให้ได้ผลดี

👨‍⚕️ เข็มที่แพทย์จีนนิยมใช้คือ เข็มเล็ก มีลักษณะกลม-บาง ปลายเข็มแหลม ขนาด 0.1-0.3 มิลเท่านั้นเอง เล็กกว่าเข็มฉีดยาทั่วไปประมาณ 6-8 เท่า ความยาวอยู่ระหว่าง 5-125 มิล บางจุดที่ฝังแทบไม่รู้สึกเลย ตัดความกังวลใจได้ครับ และเข็มจะต้องบรรจุอยู่ในภาชนะที่ปลอดเชื้อรวมทั้งเข็มที่ผ่านการใช้งานแล้วจะถูกทำลายทิ้ง ไม่นำกลับมาใช้ซ้ำ แพทย์จีนจะทำความสะอาดตำแหน่งที่จะทำการฝังเข็มและอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการฝังเข็มทุกครั้ง

👌 ความลึกในการฝังเข็มจะอยู่เพียงชั้นกล้ามเนื้อที่เข็มสามารถกระตุ้นความรู้สึกได้ชี่ โดยไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อหรืออวัยวะภายใน ในทางคลินิกความลึกของการแทงเข็มขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่ ตำแหน่งของจุดฝังเข็ม เช่น จุดบริเวณศีรษะและใบหน้า จะแทงเข็มตื้นกว่าจุดตามร่างกาย และรูปร่างของผู้ป่วย ผู้ป่วยรูปร่างอ้วนใหญ่มักต้องแทงเข็มให้ลึกกว่าผู้ที่มีรูปร่างผอมบาง

😉 ความรู้สึกของคนไข้ระหว่างการฝังเข็มจะรู้สึก “การได้ชี่” หรือความรู้สึกถึงการออกฤทธิ์ของเข็มเมื่อแทงเข็มลงไปถึงจุด อาจรู้สึกปวด, ชา, พองแน่น, รู้สึกหน่วงๆตื้อๆบริเวณรอบจุดที่ฝังเข็ม หรืออาจรู้สึกแล่นกระจายขึ้นหรือลงไปตามแนวเส้นลมปราณ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆครับ

👍 ข้อควรปฏิบัติก่อนได้รับการฝังเข็ม
😴 ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชม.
🍜 ควรรับประทานอาหารมาก่อนอย่างน้อย 1-2 ชม. ไม่ควรทานอาหารจนอิ่มเกินไป
☺️ สวมเสื้อผ้าหลวมๆเพื่อความสะดวกในการฝังเข็ม และในขณะที่ฝังควรนอนสบายๆ ไม่เกร็งหรือขยับร่างกาย เพื่อป้องกันเข็มที่จะผิดรูปบิดงอและอาการปวดที่จะเกิดขึ้นได้

ตับแกร่ง ม้ามพร่อง สัญญาณโรคกรดไหลย้อน

“กรดไหลย้อน” เกิดจากการที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหารที่เชื่อมกับกระเพาะปิดไม่สนิท กรดในกระเพาะจึงไหลย้อนขึ้นไปทางหลอดอาหารได้ ทำให้เกิดอาการจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่คล้ายอาหารไม่ย่อย ปวดแสบร้อนบริเวณอก เรอบ่อย คลื่นไส้ อาจมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาในปากและคอได้⁣

มักพบว่าภาวะกรดไหลย้อนนี้มีความสัมพันธ์กับความเครียด และการทานอาหารไม่เป็นเวลาอย่างมาก แพทย์แผนจีนมองว่าสาเหตุหลักเกิดจากสองอวัยวะนั่นก็คือ “ม้ามและตับ”⁣

โดยศาสตร์จีนเชื่อว่าอาการปวดท้องเกิดจากลมปราณของม้ามกระเพาะทำงานผิดปกติ เนื่องจาก ”ม้าม”ในทางแพทย์แผนจีนเป็นตัวควบคุมระบบการย่อยอาหารทั้งระบบ หากมีความร้อนในร่างกายมากเกินไป หรือมีของเสียสะสม ทำให้เกิดอาการจุกแน่น ท้องอืด เรอ หรืออาเจียน เป็นต้น⁣

ขณะที่ “ตับ” เป็นอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กับ “อารมณ์” หลายๆอย่างในร่างกาย หากมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ หรือมีความเครียดก็จะส่งผลถึงตับได้ ซึ่งเมื่อตับไม่แข็งแรง ตับก็จะหันไปทำร้ายม้ามได้ ⁣

แพทย์แผนจีนจึงใช้การฝังเข็มร่วมกับสมุนไพรจีน เพื่อช่วยบำรุง “ม้าม” ให้แข็งแรงเป็นพื้นฐาน และปรับสภาวะของ “ตับ” ให้สงบลง⁣

การฝังเข็มเป็นการดูแลแบบธรรมชาติที่ได้ผลดี เนื่องจากโรคต่างๆนั้นมักเกิดจากโครงสร้างหรือการทำงานของร่างกายผิดปกติ การฝังเข็มจะช่วยเข้าไปปรับการทำงานของร่างกายให้เข้าสู่สมดุลเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ⁣

อาการชาบอกโรคได้

อาการชาบริเวณมือและเท้าพบได้บ่อยในบรรดาผู้สูงอายุ มักจะมีอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าหรือรู้สึกหนาๆด้านๆที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า เวลาสัมผัสพื้นผิวจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บและมีอาการคล้ายมือเท้าหนา⁣

ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกัน บางรายอาจชาแค่บริเวณปลายนิ้ว บางรายที่รุนแรงจะปวดแสบปวดร้อนอาจลามขึ้นมาถึงข้อมือ ข้อเท้า มีอาการเป็นๆหายๆ หรือมีอาการอยู่ตลอดเวลาเมื่อเจออากาศเย็น จนทำให้ไม่สามารถนอนหลับในเวลากลางคืนได้สนิท⁣

ในทางแพทย์แผนจีน อาการชาปลายมือปลายเท้ามีสาเหตุหลักมาจากการไหลเวียนของเลือดและชี่ (พลังลมปราณ) บริเวณแขนและขาติดขัด ทำให้ไหลเวียนไม่สะดวก ⁣

การฝังเข็มเป็นอีกทางเลือกที่สามารถดูแลได้ โดยจะใช้เข็มปักลงไปตามจุดบนเส้นลมปราณบริเวณแขนและขา เพื่อกระตุ้นเส้นประสาท เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลมปราณให้หล่อเลี้ยงเส้นประสาทมากขึ้นครับ

การฝังเข็มนั้นควรทำอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จำนวนโดยเฉลี่ย 10-15 ครั้ง ร่วมกับยาสมุนไพรจีนเพื่อให้อาการดีขึ้นครับ

สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ ดูแลได้ด้วยการฝังเข็มใบหน้า

“สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ” เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่พบเจอได้บ่อย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน ปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ รวมถึงปัญหาฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอสามารถดูแลได้ด้วยการฝังเข็ม⁣

การฝังเข็มหน้าใส คือ กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหน้าให้เลือดลมไหลเวียนดี มีส่วนช่วยในการขับของเสียหรือสารอนุมูลอิสระที่มีผลต่อสีผิวที่หมองคล้ำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แก้ไขปัญหาผิวพรรณบนใบหน้าต่างๆไม่ว่าจะว่าจะเป็น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย ความหมองคล้ำดีขึ้นผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น⁣

กล้ามเนื้อทำงานดี ด้วยการฝังเข็ม

“การฝังเข็ม” ไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้หลอดเลือดบริเวณที่ปักเข็มขยายตัว แต่หลอดเลือดฝอยทั่วร่างกายก็จะมีการขยายตัวอย่างเหมาะสมอีกด้วย ⁣

ทำให้เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อทั่วร่างกายได้รับสารอาหารและขจัดของเสียที่คั่งค้างได้ดี ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และการฝังเข็มยังสามารถออกฤทธิ์กระตุ้นเพื่อปรับการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากจุดฝังเข็มได้ครับ⁣

การฝังเข็มยังสามารถกระตุ้นสมองให้มีการหลั่งสารสื่อสัญญาณประสาทออกมาหลายชนิด ที่สำคัญคือ เอนดอร์ฟิน มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวดทำให้กล้ามเนื้อที่เกิดการบาดเจ็บฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือยาแก้ปวดแบบธรรมชาติครับ⁣

การฝังเข็มยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่งสารฮอร์โมนที่สำคัญออกมาด้วยคือ ACTH และฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ มีฤทธิ์กว้างขวางมาก เช่น การลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ กระตุ้นการปลดปล่อยพลังงานภายในร่างกาย และกระตุ้นเซลล์กล้ามเนื้อให้มีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น รวมทั้งกระตุ้นโกรทฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโต เป็นต้น⁣

ฝังเข็มปรับสมดุลร่างกาย มีประโยชน์อย่างไร?

การฝังเข็มเป็นศาสตร์ที่ช่วยเรื่องการปรับสมดุลเลือดลม ผ่านการกระตุ้นบริเวณจุดแนวเส้นลมปราณของร่างกาย ช่วยปรับให้หยินหยางสมดุล

แพทย์จีนมองว่าอวัยวะในร่างกายล้วนทำงานส่งเสริมเกื้อกูลกัน หากมีอวัยวะใดบกพร่องหรือทำงานหนักมากไปจนร่างกายเสียสมดุล จะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการเจ็บป่วยตามมาได้ เช่น นอนไม่หลับ ปวดหัว ท้องผูก อ่อนเพลียง่าย ประจำเดือนมาไม่ปกติ ร้อนวูบวาบและอาการปวดต่างๆ เป็นต้น

ประโยชน์ของการฝังเข็มปรับสมดุลร่างกาย
– กระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
– ช่วยสลายเลือดคั่งที่อุดกั้นอยู่ตามร่างกาย
– ร่างกายได้ผ่อนคลาย จิตใจสงบขึ้น
– เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านทานโรค
– ลดความตึงเครียดของร่างกาย
– ช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบ
– ระบบเส้นประสาท ฟื้นฟูอัมพฤกษ์
– ปรับประจำเดือนให้มาปกติ
– ไมเกรน ปวดศีรษะ
– นอนไม่หลับ หลับยาก ใจสั่น
– ภูมิแพ้อากาศ ลมพิษ

การฝังเข็มสามารถทำได้ตั้งแต่ก่อนเกิดโรคหรืออาการ เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วยนะครับ

ปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท โรคที่ไม่ควรมองข้าม

อัมพาตของใบหน้า (Bell’s Palsy) คือโรคที่เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทใบหน้า (เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 Facial Nerve) ด้วยสาเหตุต่างๆจะพบว่า มีอาการอ่อนกำลังของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำให้หลับตาได้ไม่แน่นสนิท มุมปากเบี้ยวเอียงลงปิดปากไม่สนิทแน่น พูดไม่ชัด เสียการรับรสของปลายลิ้นด้านที่เป็น และในระยะแรกๆของโรคอาจมีอาการปวดหลังใบหู

สาเหตุของของการเกิดโรคยังไม่แน่ชัด แต่มีสมมติฐานว่าโรคอัมพาตใบหน้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes Zoster ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทใบหน้าหดเกร็ง บวมน้ำ ถูกกดทับ หรืออาจเกิดจากเยื่อหุ้มกระดูกใน Stylomastoid foramen อักเสบ ทำให้เส้นประสาทใบหน้าถูกกดทับ การไหลเวียนของเลือดติดขัดส่งผลให้เส้นประสาทใบหน้าอักเสบ

อาการของโรคอัมพาตใบหน้ามักเกิดที่ใบหน้าเพียงข้างเดียว อาการที่พบได้แก่ มุมปากเบี้ยวและตาปิดไม่สนิทเป็นอาการหลัก ประกอบกับรอยย่นที่หน้าผากและร่องแก้มหายไป ยักคิ้วหรือขมวดคิ้วไม่ได้ เคี้ยวอาหารหรือดื่มน้ำได้ลำบาก ผิวปากหรือทำแก้มป่องไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากไม่สามารถหดตัวได้ อาจมีอาการตาแห้ง น้ำลายแห้ง การรับรสชาติอาหารลดลง มีความไวต่อเสียง หรือเจ็บบริเวณหูร่วมด้วย

การฝังเข็มเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถกระตุ้นการฟื้นตัวเส้นประสาทและกล้ามเนื้อที่เสียหายได้ จึงสามารถนำเอามาดูแลภาวะอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าได้เช่นกัน และโรคอัมพาตใบหน้าถือเป็นโรคหนึ่งที่องค์การอนามัยโลกได้รับรองว่าสามารถใช้การฝังเข็มดูแลได้

แพทย์จะใช้เข็มเล็กๆปักตามจุดบริเวณใบหน้าและแขนขา เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30 นาที กระตุ้น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมทั้งหมดประมาณ 10 ครั้ง ใช้เวลา 2-3 เดือน ก็มักจะเป็นปกติได้ อย่างไรก็ตามผลการฝังเข็มอาจแตกต่างไปในแต่ละรายที่มีความรุนแรงและระยะเวลาที่ยาวนานต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรีบทำการพบแพทย์จีนโดยเร็วที่สุดครับ